กล้อง Lomo LC-A+
กล้อง Lomo LC-A+
- แสดงค่าความอิ่มตัวที่ลึก คอนทราสต์จัด และขอบมืดที่ชัดเจน
- ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก และทนทาน
- เลนส์ Minitar-1
- เป็นกล้องคลาสสิกยุค 80 ที่ยังคงผลิตอยู่ในปัจจุบัน
สินค้าหมด
Highlights

เข้าร่วมการปฏิวัติ กล้อง Lomo LC-A ยืนหยัดเพื่อ Lomography และช่วยจุดประกายให้กับชาวโลโม่ทั่วโลก
The reason why I developed as a photographer is that I had this little camera on me all times, which meant I never missed a photo opportunity.
Kevin Meredith
เก็บชิ้นส่วนของประวัติศาสตร์ไว้ในมือคุณ กล้อง Lomo LC-A มีต้นกำเนิดมาจากภาษารัสเซียและมีฟีเจอร์ใหม่ๆให้คุณได้ทดลองมากมาย
Don’t think too much. The camera kind of has a mind of its own and it’s happy accidents are often the best results.
Elijah Wood

แสดงความงามแบบอนาล็อกขั้นสุด ด้วยความอิ่มตัวที่ลึก คอนทราสต์ที่จัด และขอบมืดที่ดำสนิท

หนังสือ Lomo LC-A+ ภาพที่รวมอยู่ในหนังสือช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณ รวมทั้งยังมีเคล็ดลับในการถ่ายภาพ และอื่นๆ อีกมากมาย

ถ่ายภาพสีสันสดใส ด้วยเลนส์แก้ว Minitar-1 32/2.8 ในตำนาน
เลนส์ Minitar-1 32 มม. f/2.8 เป็นเลนส์ที่ให้สีสันสดใส และมุมกว้างของภาพที่กำลังพอดี เมื่อมาอยุ่ในกล้อง Lomo LC-A+ ทำให้ภาพมีสีที่เด่นชัดและคอนทราสต์จัด ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญ ของ Lomography
— LA Times

สร้างภาพซ้อนที่สวยงาม ด้วยการกดสวิตช์ง่ายๆ

เติมแสงสว่างให้ภาพ ด้วยการต่อแฟลชเข้ากับกล้องด้วยระบบฮอตชู
ใช้งานโหมดชัตเตอร์ B ได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถใช้คู่กันกับสายชั่นชัตเตอร์ได้
ความมุ่งมั่นของเราคือ การรื้อฟื้นโทนสีของภาพที่สด สีสันที่อิ่มตัว และความสนุกสนานที่ไม่ปรุงแต่งจากกล้องอนาล็อก ที่ปัจจุบันก็ยังมีความต้องการใช้ถ่ายรูปกันอยู่
— Uncrate

กล้องคลาสสิครุ่นใหม่ ในราคาจับต้องได้ เพลิดเพลินไปกับคุณสมบัติอันเป็นเอกลักษณ์ของการภาพถ่ายอนาล็อกในยุค 80 โดยกล้อง Lomo LC-A+ เป็นกล้องใหม่และมาพร้อมกับการรับประกัน 2 ปี
I came to be attracted by Lomography’s possibilities after I got the LC-A+ and started to learn MX.
Hodachrome

อุปกรณ์เสริม LC-A+ เรายังมีอุปกรณ์เสริมให้คุณสร้างสรรค์ได้มากยิ่งขึ้น อาทิ Krab Underwater Housing, Splizer, เลนส์ไวด์ และ Ringflash

ใช้ฟิล์ม 35 มม. โดยคุณสามารถเลือกสั่งซื้อฟิล์มที่มีเอกลักษณ์จาก Lomography ได้หลากหลายแบบเลย

การตั้งค่า ISO ให้คุณเลือก ISO ได้ตั้งแต่ 100 จนถึง 1600 คุณจึงสามารถถ่ายภาพได้ทั้งกลางวันและกลางคืน

การโฟกัสที่แม่นยำ ให้คุณเลือกระหว่างช่วงโฟกัสสี่ช่วงด้วยคันโยกเล็กๆ เพียงอันเดียว
Story
กล้องคอมแพคสุดคลาสสิกขนาด 35 มม. ตัวนี้ ให้ภาพถ่ายที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา, สีสันสดใส, คอนทราสต์จัด และติด vignette อันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้กล้องตัวนี้กลายเป็นตำนานและเป็นที่รักของช่างภาพทั่วโลก
กล้องตัวนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกล้อง Lomo LC-A ซึ่งเป็นกล้องรัสเซียรุ่นแรกของ Lomography โดยเราได้คงคุณสมบัติเดิมในสไตล์ของ LC-A เอาไว้ ในขณะเดียวกันก็เพิ่มคุณสมบัติที่ทำให้คุณถ่ายภาพได้อย่างสนุกสนานมากยิ่งขึ้น มาพร้อมบอดี้ขนาดเล็กและเบา ที่สำคัญกล้องตัวนี้ยังมาพร้อมเลนส์แก้ว Minitar-1 ที่ให้ภาพคมชัดในสไตล์โลโม่ บอกเลยว่ากล้องตัวนี้เป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่ทุกคนต้องมี

ประวัติ
จุดเริ่มต้นของ Lomographic ทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นในเช้าวันที่สดใสในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในทศวรรษที่ 80 สุภาพบุรุษสองคนตรวจสอบกล้องคอมแพคญี่ปุ่นตัวเล็กที่เรียกว่า Cosina CX-2 และออกคำสั่งว่าควรผลิตสำเนาที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นเพื่อการถ่ายภาพของชาวโซเวียต Lomo LC-A แท้จริงทำตาม Cosina อย่างแท้จริง (แต่ไม่สนใจ) เลนส์แก้วที่คมชัด ความไวต่อแสงสูงมาก และตัวเรือนที่ทนทาน ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของสหภาพโซเวียตและผู้อำนวยการโรงงาน LOMO ดังนั้นด้วยการปรับแต่งจนสมบูรณ์ กล้อง Lomo LC-A จึงได้ถือกำเนิดขึ้น
1981: กล้องญี่ปุ่น Cosina CX-2 เปิดตัวแล้ว
1982: LOMO PLC เสร็จสิ้นตัวอย่างชุดแรกของกล้อง Lomo LC-A ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก อดีตสหภาพโซเวียต
1984: กล้อง Lomo LC-A ชุดแรกเข้าสู่การผลิตจำนวนมาก ในขั้นต้น มีการผลิต 1100 ตัวในแต่ละเดือนสำหรับตลาดรัสเซียเท่านั้น กล้อง Lomo LC-A ได้เข้ามาอยู่ในหัวใจและกระเป๋าของชาวรัสเซียผู้หลงใหลในการถ่ายภาพอย่างรวดเร็ว และหลังจากนั้นไม่นานก็ส่งออกไปยังประเทศคอมมิวนิสต์ เช่น ยูเครน โปแลนด์ เชโกสโลวะเกีย และคิวบา

1991: เนื่องกล้องจากทางเอเชียเริ่มมีมากขึ้น ทำให้กล้อง Lomo LC-A เลิกผลิตและมีจำหน่ายเฉพาะบางร้าน อย่างไรก็ตาม ได้มีนักเรียนชาวออสเตรียกลุ่มหนึ่งได้ค้นพบกล้อง Lomo LC-A ในกรุงปราก เชโกสโลวเกีย และความหลงใหลในการถ่ายภาพ และทดลองอย่างไม่หยุดยั้ง พวกเขาเดินเตร่ไปทั่วเมืองหลวงเพื่อเก็บภาพจากกล้องตัวนี้
1992: หลังจากได้เห็นภาพที่ถ่ายออกมาแล้ว ความต้องการกล้อง Lomo LC-A ก็พุ่งพรวด! ในไม่ช้า กล้องสายลับของอดีตกลุ่มตะวันออกตัวนี้ ก็ถูกนำมาใช้ในรูปแบบใหม่ และมี Lomographic Society ที่ก่อตั้งขึ้นในกรุงเวียนนาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความเป็น Lomography ไปทั่วโลก ทั้งนิทรรศการ ปาร์ตี้ เวิร์คช็อป และทัวร์ ช่วยให้ผู้ที่สนใจ เข้าร่วมไลฟ์สไตล์โลโม่ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ โรงงาน LOMO Optics แห่งเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เกี่ยวกับข่าวการระเบิดของ Lomographic ทั่วโลก สมาชิกของ Society ประสบความสำเร็จในการโน้มน้าวใจหัวหน้าโรงงาน LOMO ให้เริ่มการผลิต Lomo LC-A ที่น่าทึ่งอีกครั้ง สร้างความมั่นใจว่านักถ่ายภาพโลโม่ทุกคนทั่วโลกจะรับประกันมั่นคงของรัสเซีย ความมหัศจรรย์แบบอนาล็อก

1994: เกิดภัยพิบัติอย่างหนัก และเนื่องจากมีพนักงานสำหรับผลิตกล้อง Lomo LC-A เพียงแค่ 30 คนเท่านั้น ทำให้การผลิตกล้องทั้งหมดที่ LOMO PLC ถูกยกเลิกและแผนกทั้งหมดต้องปิดตัวลง ด้วยจุดนี้เองทำให้โรงงาน LOMO PLC เริ่มไม่มั่นคง จนทำให้คนงานประมาณ 15,000 คน ถูกบังคับให้ออกจากบริษัท ทำให้เหล่าบรรดา Lomographer หน้าใหม่ต้องเดินทางไปที่มอสโคว์ เพื่อจัดแสดงงานภาพถ่ายโลโม่ในสไตล์ของพวกเขา
1995–1997: ในที่สุดกล้อง Lomo LC-A ได้เริ่มผลิตใหม่อีกครั้งที่ St Petersburg ซึ่งทาง LOMO PLC ได้ส่งกล้องไปจำหน่ายที่ออสเตรียเดือนละ 1,000 ตัว ในตอนนั้นธุรกิจขนาดเล็กที่ออสเตรียหลายๆ ธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงเหล่า Lomographer ก็ต้องการกล้องเพิ่มมากขึ้น จนทำให้ราคากล้องที่ St Petersburg เพิ่มขึ้นสูงถึง 50% และอีกเหตุผลหนึ่งมาจากอดีตสหภาพโซเวียตได้มีการแยกออกจากกัน ทำให้ราคาค่าพลังงานสูงขึ้น จนทำให้ภาพรวมธุรกิจเปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อต้องอยู่ในระบบทุนนิยม การเจรจาลำบากมากขึ้น รู้ตัวอีกทีเหล่า Lomographer ก็ไปนั่งอยู่ตรงหน้า Vladimir Putin รองนายกเทศมนตรีเมือง St Petersburg แล้ว ให้ช่วยคำนวณราคาในการผลิตที่ LOMO PLC ใหม่ และในที่สุดปี 1997 ก็ได้กลับมาผลิตกล้อง Lomo LC-A อีกครั้ง
2005: ในช่วงต้นปี Lomographic Society ได้รับข่าวร้ายที่ไม่คาดคิด โรงงาน LOMO Optical จะยุติการผลิตกล้อง Lomo LC-A ทั้งหมด เนื่องจากการผลิตโดยรวมของโรงงานมีความยิ่งใหญ่และใช้เทคโนโลยีที่สูงมากขึ้น พวกเขาจึงไม่สามารถสนับสนุนการผลิตกล้องตัวเล็กๆ (แต่ประเมินมูลค่าไม่ได้) อีกต่อไป ในตอนแรกเหล่า Lomographer ก็ไม่ได้รับข่าวสารนี้ แต่พอรู้เข้าก็เริ่มต้นวางแผนกันใหม่ โดยเราได้สร้างกล้อง Lomo ขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมผสมผสานคุณสมบัติที่ทุกคนรักจากกล้องรุ่นเดิม และเพิ่มลูกเล่นอื่นๆ เข้าไปด้วย
2006–2007: กล้อง Lomo LC-A+ เวอร์ชั่นพัฒนาใหม่โดยถอดแบบมาจากกล้อง Lomo LC-A ได้เปิดตัวขึ้น ซึ่งมาพร้อมหน้าตาที่คลาสสิกเป็นเอกลักษณ์ และมาพร้อมคุณสมบัติพิเศษที่เพิ่มมากขึ้น โดยเกือบทุกอย่างย้ายไปผลิตที่ประเทศจีนแทน
2009: เป็นปีที่กล้อง Lomo LC-A ครบรอบ 25 ปี และเราก็ได้เฉลิมฉลองความสำเร็จในครั้งนี้โดยการเปิดตัวกล้อง LC-A+ รุ่น 25th Anniversary และรุ่น “No Nukes” ที่ออกแบบโดยศิลปินชาวเกาหลีใต้ขึ้น รวมทั้งเรายังมีการจัดงานปาร์ตี้, โปรเจกต์พิเศษ, เวิร์คช็อป และจัดกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย
2010: มีการผลิตกล้องรุ่นพิเศษขึ้นสองรุ่น ได้แก่ กล้อง LC-A+ White และกล้อง LC-A+ Gold นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนผู้หลงไหลในการถ่ายภาพฟิล์มจากทั่วโลกรวม 10 กลุ่ม ได้ร่วมทีมกันมาเพื่อแข่งขัน LC-A Race โดยเริ่มการแข่งขันจากสี่มุมทั่วโลก โดยต้องกลับไปที่สำนักงานใหญ่ของ Lomography ที่กรุงเวียนนา ซึ่งเราอนุญาตให้ใช้อุปกรณ์เพียงแค่ GPS, โน้ตบุ๊ก และกล้อง LC-A+ เท่านั้น
2011–2014: ในปีนี้ เราได้เปิดตัวกล้องคอมแพคที่ถ่ายภาพได้กว้างที่สุดในโลกอย่าง Lomo LC-Wide ซึ่งเป็นกล้องตัวใหม่ล่าสุดในตระกูล LC-A โดยกล้องตัวนี้มาพร้อมเลนส์มุมกว้างแบบพิเศษ 17 มม. Minigon-1 และจากนั้น เราได้เปิดตัว LC-A+ Instant ที่จะเปลี่ยนจากกล้อง LC-A+ ให้กลายเป็นกล้องที่สามารถถ่ายภาพ Instant ได้อย่างง่ายดาย

2021: เราได้เฉลิมฉลองครบรอบ 15 ปี ของกล้อง LC-A+ โดยการจัดกิจกรรมและมอบส่วนลดพิเศษมากมาย ซึ่งปัจจุบันกล้อง LC-A+ ถือเป็นกล้องอนาล็อกระบบอัตโนมัติขนาด 35 มม. เพียงตัวเดียวที่ยังคงผลิตใหม่ ในขณะที่ผู้ผลิตรายใหญ่เจ้าอื่นๆ ได้หยุดผลิตกล้องไปนานแล้ว นับว่ากล้องตัวนี้ยังคงเป็นตำนานและยังคงได้ความนิยมตั้งแต่อดีตมาจากถึงปัจจุบันเลย

กล้องในตระกูลเดียวกัน
กล้องตระกูล Lomo LC-A ได้มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ มีการเปิดตัวสินค้าในตระกูลนี้อีกมากมาย ทั้งกล้อง LC-Wide, กล้อง LC-A 120 รวมทั้งอุปกรณ์เสริมที่จะช่วยให้การถ่ายภาพของคุณสนุกมากยิ่งขึ้น

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม
เรื่องราวความโลดโผนของกล้อง Lomo LC-A ยังมีให้อ่านกันเพิ่มเติมแบบจุใจในหนังสือ LC-A Big Book ที่เปรียบเหมือนสารานุกรมข้อมูลทั้งหมด รวมทั้งมีภาพถ่ายที่ถ่ายโดยเหล่า Lomographer ทั่วโลก ซึ่งใช้เวลาในการรวบรวมถึงสองปีเต็ม อัดแน่นไปด้วยภาพถ่ายทางประวัติศาสตร์ที่เป็นตำนาน, ข้อมูลที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน เริ่มตั้งแต่การก่อตั้งในปี 1980 ไปจนถึงการดิ้นรนเพื่อให้กล้อง Lomo LC-A+ ที่ทุกคนรักได้ผลิตขึ้นมาจริงๆ
ผู้ผลิต
Lomographische GmbH
Kaiserstraße 34/12, 1070 Vienna, Austria
help@lomography.com
ความปลอดภัยและการใช้งาน
- อันตรายจากการสำลัก: ไม่ใช่ของเล่น
- ไม่เหมาะสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี
Package Contents
- กล้อง Lomo LC-A+ 35 มม.
- สายลั่นชัตเตอร์
- หนังสือภาพ