เคสดำน้ำ Lomo LC-A+ Krab

เคสดำน้ำ Lomo LC-A+ Krab

พกเคสดำน้ำ Lomo LC-A+ Krab พร้อมกล้อง LC-A+ แล้วไปสนุกกับการถ่ายภาพใต้น้ำได้ลึกถึง 20 เมตรเลยนะ
  • ดำน้ำลึกได้ถึง 20 เมตร
  • เหมาะสำหรับทุกสภาพอากาศ รวมทั้งการถ่ายภาพแอ็กชันด้วย
  • สามารถใช้งานได้กับการกล้อง Lomo LC-A+ และ Lomo LC-Wide
  • สามารถลั่นชัตเตอร์ และควบคุมการตั้งค่าขั้นสูงผ่านตัวเคสดำน้ำได้
  • ด้านการออกแบบได้รับแรงบันดาลใจมาจาก LC-A Krab ในยุคโซเวียตดั้งเดิม ช่วงปี 1980
SKU: h300uh

มีสินค้า

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

กล้อง Lomo LC-Wide 35 มม.

พบกับกล้องคอมแพคอัตโนมัติขนาด 35 มม. ที่ภาพมุมกว้างที่สุดในโลก ทำให้คุณสามารถเก็บภาพรอบตัวคุณได้มากขึ้นด้วยสุนทรียภาพแบบอนาล็อก

Special Price THB10,800 Regular Price THB15,800
กล้อง Lomo LC-A+

เราได้นำกล้องฟิล์มขนาด 35 มม. ตัวเดิมที่มีอยู่มาปรับใหม่ และเป็นตัวเริ่มต้นที่ทำให้คนรู้จักกับเรา ผู้บุกเบิกกล้องอนาล็อกให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

THB11,800
Out of stock

Highlights

สามารถใช้งานร่วมกับ กล้อง LC-Wide ด้วยเช่นกัน

สามารถใช้งานร่วมกับ กล้อง LC-Wide ด้วยเช่นกัน

เคสดำน้ำ สำหรับกล้อง LC-A และ LC-W ของคุณ

เคสดำน้ำ สำหรับกล้อง LC-A และ LC-W ของคุณ

เพลิดเพลินไปกับการสำรวจการถ่ายภาพใต้น้ำที่น่าตื่นเต้น หรือใช้สำหรับการปกป้องกล้องของคุณ

เพลิดเพลินไปกับการสำรวจการถ่ายภาพใต้น้ำที่น่าตื่นเต้น หรือใช้สำหรับการปกป้องกล้องของคุณ

เหมาะสำหรับการใช้งานกับ กล้องรัสเซีย LC-A รุ่นเก่า ซึ่งถ้ากล้องของคุณมีตัวเชื่อมเล็กๆ ก็จะทำให้ KRAB กระชับมายิ่งขึ้น

ดำน้ำได้ลึก ถึง 20 เมตร

ดำน้ำได้ลึก ถึง 20 เมตร

ใช้งานได้อย่างเต็มที่ผ่านเคส ทั้งการลั่นชัตเตอร์ และการควบคุมการตั้งค่าแบบสูงสุด

ใช้งานได้อย่างเต็มที่ผ่านเคส ทั้งการลั่นชัตเตอร์ และการควบคุมการตั้งค่าแบบสูงสุด

Story

ผจญภัยใต้น้ำไปกับกล้อง LC-A

เคสดำน้ำรุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก LOMO KRAB ในยุคโซเวียตดั้งเดิม ช่วงปี 1980 โดยออกแบบมาเพื่อใช้งานคู่กับกล้อง LC-A+ และ LC-Wide โดยคุณสามารถดำน้ำได้ลึกสูงสุด 20 เมตร (65 ฟุต) และมากกว่าการถ่ายภาพใต้น้ำ เมื่อคุณตกอยู่ในสภาพพายุฝนฟ้าคะนองก็ไม่ต้องกังวล เพราะเคสตัวนี้สามารถกันน้ำได้อย่างดี

เคสดำน้ำ LC-A+ Krab ทำจากพลาสติกที่ปิดผนึกได้อย่างแน่นหนา ในขณะที่รุ่นเก่า ตัวบอดี้จะทำจากโลหะ ซึ่งข้อดีของพลาสติกคือทำให้น้ำหนักเบา ราคาไม่แพง และมีประสิทธิภาพ มาพร้อมคุณสมบัติที่ครอบคลุมอย่างรอบด้าน และบอดี้ในสไตล์โซเวียต ทำให้เคสดำน้ำตัวนี้สมบูรณ์แบบมากที่สุด

ประวัติ

จุดเริ่มต้นของ Lomographic ทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นในเช้าวันที่สดใสในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในทศวรรษที่ 80 สุภาพบุรุษสองคนตรวจสอบกล้องคอมแพคญี่ปุ่นตัวเล็กที่เรียกว่า Cosina CX-2 และออกคำสั่งว่าควรผลิตสำเนาที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นเพื่อการถ่ายภาพของชาวโซเวียต Lomo LC-A แท้จริงทำตาม Cosina อย่างแท้จริง (แต่ไม่สนใจ) เลนส์แก้วที่คมชัด ความไวต่อแสงสูงมาก และตัวเรือนที่ทนทาน ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของสหภาพโซเวียตและผู้อำนวยการโรงงาน LOMO ดังนั้นด้วยการปรับแต่งจนสมบูรณ์ กล้อง Lomo LC-A จึงได้ถือกำเนิดขึ้น

1981: กล้องญี่ปุ่น Cosina CX-2 เปิดตัวแล้ว

1982: LOMO PLC เสร็จสิ้นตัวอย่างชุดแรกของกล้อง Lomo LC-A ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก อดีตสหภาพโซเวียต

1984: กล้อง Lomo LC-A ชุดแรกเข้าสู่การผลิตจำนวนมาก ในขั้นต้น มีการผลิต 1100 ตัวในแต่ละเดือนสำหรับตลาดรัสเซียเท่านั้น กล้อง Lomo LC-A ได้เข้ามาอยู่ในหัวใจและกระเป๋าของชาวรัสเซียผู้หลงใหลในการถ่ายภาพอย่างรวดเร็ว และหลังจากนั้นไม่นานก็ส่งออกไปยังประเทศคอมมิวนิสต์ เช่น ยูเครน โปแลนด์ เชโกสโลวะเกีย และคิวบา

1991: เนื่องกล้องจากทางเอเชียเริ่มมีมากขึ้น ทำให้กล้อง Lomo LC-A เลิกผลิตและมีจำหน่ายเฉพาะบางร้าน อย่างไรก็ตาม ได้มีนักเรียนชาวออสเตรียกลุ่มหนึ่งได้ค้นพบกล้อง Lomo LC-A ในกรุงปราก เชโกสโลวเกีย และความหลงใหลในการถ่ายภาพ และทดลองอย่างไม่หยุดยั้ง พวกเขาเดินเตร่ไปทั่วเมืองหลวงเพื่อเก็บภาพจากกล้องตัวนี้

1992: หลังจากได้เห็นภาพที่ถ่ายออกมาแล้ว ความต้องการกล้อง Lomo LC-A ก็พุ่งพรวด! ในไม่ช้า กล้องสายลับของอดีตกลุ่มตะวันออกตัวนี้ ก็ถูกนำมาใช้ในรูปแบบใหม่ และมี Lomographic Society ที่ก่อตั้งขึ้นในกรุงเวียนนาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความเป็น Lomography ไปทั่วโลก ทั้งนิทรรศการ ปาร์ตี้ เวิร์คช็อป และทัวร์ ช่วยให้ผู้ที่สนใจ เข้าร่วมไลฟ์สไตล์โลโม่ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ โรงงาน LOMO Optics แห่งเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เกี่ยวกับข่าวการระเบิดของ Lomographic ทั่วโลก สมาชิกของ Society ประสบความสำเร็จในการโน้มน้าวใจหัวหน้าโรงงาน LOMO ให้เริ่มการผลิต Lomo LC-A ที่น่าทึ่งอีกครั้ง สร้างความมั่นใจว่านักถ่ายภาพโลโม่ทุกคนทั่วโลกจะรับประกันมั่นคงของรัสเซีย ความมหัศจรรย์แบบอนาล็อก

1994: เกิดภัยพิบัติอย่างหนัก และเนื่องจากมีพนักงานสำหรับผลิตกล้อง Lomo LC-A เพียงแค่ 30 คนเท่านั้น ทำให้การผลิตกล้องทั้งหมดที่ LOMO PLC ถูกยกเลิกและแผนกทั้งหมดต้องปิดตัวลง ด้วยจุดนี้เองทำให้โรงงาน LOMO PLC เริ่มไม่มั่นคง จนทำให้คนงานประมาณ 15,000 คน ถูกบังคับให้ออกจากบริษัท ทำให้เหล่าบรรดา Lomographer หน้าใหม่ต้องเดินทางไปที่มอสโคว์ เพื่อจัดแสดงงานภาพถ่ายโลโม่ในสไตล์ของพวกเขา

1995–1997: ในที่สุดกล้อง Lomo LC-A ได้เริ่มผลิตใหม่อีกครั้งที่ St Petersburg ซึ่งทาง LOMO PLC ได้ส่งกล้องไปจำหน่ายที่ออสเตรียเดือนละ 1,000 ตัว ในตอนนั้นธุรกิจขนาดเล็กที่ออสเตรียหลายๆ ธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงเหล่า Lomographer ก็ต้องการกล้องเพิ่มมากขึ้น จนทำให้ราคากล้องที่ St Petersburg เพิ่มขึ้นสูงถึง 50% และอีกเหตุผลหนึ่งมาจากอดีตสหภาพโซเวียตได้มีการแยกออกจากกัน ทำให้ราคาค่าพลังงานสูงขึ้น จนทำให้ภาพรวมธุรกิจเปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อต้องอยู่ในระบบทุนนิยม การเจรจาลำบากมากขึ้น รู้ตัวอีกทีเหล่า Lomographer ก็ไปนั่งอยู่ตรงหน้า Vladimir Putin รองนายกเทศมนตรีเมือง St Petersburg แล้ว ให้ช่วยคำนวณราคาในการผลิตที่ LOMO PLC ใหม่ และในที่สุดปี 1997 ก็ได้กลับมาผลิตกล้อง Lomo LC-A อีกครั้ง

2005: ในช่วงต้นปี Lomographic Society ได้รับข่าวร้ายที่ไม่คาดคิด โรงงาน LOMO Optical จะยุติการผลิตกล้อง Lomo LC-A ทั้งหมด เนื่องจากการผลิตโดยรวมของโรงงานมีความยิ่งใหญ่และใช้เทคโนโลยีที่สูงมากขึ้น พวกเขาจึงไม่สามารถสนับสนุนการผลิตกล้องตัวเล็กๆ (แต่ประเมินมูลค่าไม่ได้) อีกต่อไป ในตอนแรกเหล่า Lomographer ก็ไม่ได้รับข่าวสารนี้ แต่พอรู้เข้าก็เริ่มต้นวางแผนกันใหม่ โดยเราได้สร้างกล้อง Lomo ขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมผสมผสานคุณสมบัติที่ทุกคนรักจากกล้องรุ่นเดิม และเพิ่มลูกเล่นอื่นๆ เข้าไปด้วย

2006–2007: กล้อง Lomo LC-A+ เวอร์ชั่นพัฒนาใหม่โดยถอดแบบมาจากกล้อง Lomo LC-A ได้เปิดตัวขึ้น ซึ่งมาพร้อมหน้าตาที่คลาสสิกเป็นเอกลักษณ์ และมาพร้อมคุณสมบัติพิเศษที่เพิ่มมากขึ้น โดยเกือบทุกอย่างย้ายไปผลิตที่ประเทศจีนแทน

2009: เป็นปีที่กล้อง Lomo LC-A ครบรอบ 25 ปี และเราก็ได้เฉลิมฉลองความสำเร็จในครั้งนี้โดยการเปิดตัวกล้อง LC-A+ รุ่น 25th Anniversary และรุ่น “No Nukes” ที่ออกแบบโดยศิลปินชาวเกาหลีใต้ขึ้น รวมทั้งเรายังมีการจัดงานปาร์ตี้, โปรเจกต์พิเศษ, เวิร์คช็อป และจัดกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย

2010: มีการผลิตกล้องรุ่นพิเศษขึ้นสองรุ่น ได้แก่ กล้อง LC-A+ White และกล้อง LC-A+ Gold นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนผู้หลงไหลในการถ่ายภาพฟิล์มจากทั่วโลกรวม 10 กลุ่ม ได้ร่วมทีมกันมาเพื่อแข่งขัน LC-A Race โดยเริ่มการแข่งขันจากสี่มุมทั่วโลก โดยต้องกลับไปที่สำนักงานใหญ่ของ Lomography ที่กรุงเวียนนา ซึ่งเราอนุญาตให้ใช้อุปกรณ์เพียงแค่ GPS, โน้ตบุ๊ก และกล้อง LC-A+ เท่านั้น

2011–2014: ในปีนี้ เราได้เปิดตัวกล้องคอมแพคที่ถ่ายภาพได้กว้างที่สุดในโลกอย่าง Lomo LC-Wide ซึ่งเป็นกล้องตัวใหม่ล่าสุดในตระกูล LC-A โดยกล้องตัวนี้มาพร้อมเลนส์มุมกว้างแบบพิเศษ 17 มม. Minigon-1 และจากนั้น เราได้เปิดตัว LC-A+ Instant ที่จะเปลี่ยนจากกล้อง LC-A+ ให้กลายเป็นกล้องที่สามารถถ่ายภาพ Instant ได้อย่างง่ายดาย

2021: เราได้เฉลิมฉลองครบรอบ 15 ปี ของกล้อง LC-A+ โดยการจัดกิจกรรมและมอบส่วนลดพิเศษมากมาย ซึ่งปัจจุบันกล้อง LC-A+ ถือเป็นกล้องอนาล็อกระบบอัตโนมัติขนาด 35 มม. เพียงตัวเดียวที่ยังคงผลิตใหม่ ในขณะที่ผู้ผลิตรายใหญ่เจ้าอื่นๆ ได้หยุดผลิตกล้องไปนานแล้ว นับว่ากล้องตัวนี้ยังคงเป็นตำนานและยังคงได้ความนิยมตั้งแต่อดีตมาจากถึงปัจจุบันเลย

กล้องในตระกูลเดียวกัน

กล้องตระกูล Lomo LC-A ได้มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ มีการเปิดตัวสินค้าในตระกูลนี้อีกมากมาย ทั้งกล้อง LC-Wide, กล้อง LC-A 120​ รวมทั้งอุปกรณ์เสริมที่จะช่วยให้การถ่ายภาพของคุณสนุกมากยิ่งขึ้น

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม

เรื่องราวความโลดโผนของกล้อง Lomo LC-A ยังมีให้อ่านกันเพิ่มเติมแบบจุใจในหนังสือ LC-A Big Book ที่เปรียบเหมือนสารานุกรมข้อมูลทั้งหมด รวมทั้งมีภาพถ่ายที่ถ่ายโดยเหล่า Lomographer ทั่วโลก ซึ่งใช้เวลาในการรวบรวมถึงสองปีเต็ม อัดแน่นไปด้วยภาพถ่ายทางประวัติศาสตร์ที่เป็นตำนาน, ข้อมูลที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน เริ่มตั้งแต่การก่อตั้งในปี 1980 ไปจนถึงการดิ้นรนเพื่อให้กล้อง Lomo LC-A+ ที่ทุกคนรักได้ผลิตขึ้นมาจริงๆ

ผู้ผลิต

Lomographische GmbH
Kaiserstraße 34/12, 1070 Vienna, Austria
help@lomography.com

ความปลอดภัยและการใช้งาน

  • อันตรายจากการสำลัก: ไม่ใช่ของเล่น
  • ไม่เหมาะสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี

Package Contents

  • เคสดำน้ำ Lomo LC-A+ Krab